ความหมายของการเรียนรู้
นิยามของการเรียนรู้ (Learning) นั้นมีอยู่มากมาย นักจิตวิทยาทั้งหลายได้ให้ข้อสังเกตเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของการให้นิยาม และพวกเขามีความเห็นว่า การเรียนรู้ หมายถึง การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมต่าง ๆ ที่คงทนถาวร ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นผลมาจากประสบการณ์ ( Baron, 1989 : 136) และไม่ว่าคำจำกัดความจะเป็นไปในลักษณะไหนการเรียนรู้ทั้งหลายก็จะมีลักษณะสำคัญ 2 ประการ
1. นิยามทั้งหลายมีความเห็นพ้องกันว่า การเรียนรู้
หมายถึงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมหรือการกระทำ หรืออย่างน้อยที่สุดก็เป็นการเปลี่ยนแปลงศักยภาพ (potential) เมื่อมีพฤติกรรมเกิดขึ้นอย่างแน่นอน และถ้าการเปลี่ยนแปลงนั้นไม่สามารถแสดงออกมาให้เห็นได้หรือไม่สามารถสรุปได้ว่าการเรียนรู้นั่นเกิดขึ้นซึ่งจะเป็นไปได้ในเมื่อการกระทำในขึ้นต้นของสิ่งเหล่านั้นเป็นเพียงข้อสมมติ (assumed) ดังจะเห็นได้จากครูที่สอนนักเรียน เมื่อครูทำการทดสอบเพียงหน่วยหนึ่งของการเรียน และนักเรียนไม่สามารถตอบคำถามเริ่มต้นในหน่วยนั้นได้ ซึ่งในบางครั้งอาจเป็นไปได้ว่า ข้อสมมตินั้นอาจไม่สมเหตุสมผลก็ได้
2. นิยามของการเรียนรู้ทั้งหลายเห็นพ้องกันว่า
การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเป็นผลจากการฝึกหรือประสบการณ์ ข้อจำกัดดังกล่าวนี้จะเป็นการเสริมหรือแสดงให้เห็นว่า ความคิดที่ตรงกันข้ามกับความคิดที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน มีความคิดว่าวัยเด็กไม่ใช่วัยที่จะเรียนรู้ได้ดีที่สุด (Childhood is not “golden age for learning”) กล่าวคือ เมื่อร่างกายของเราไปปะทะกับสิ่งแวดล้อม จะเกิดการเรียนรู้ขึ้นทันทีทันใดนั้นแล้ว วัยเด็กไม่ใช่วัยที่มีการเรียนรู้ที่ดีที่สุด จากการศึกษาในเรื่องนี้แล้วได้ชี้ให้เห็นว่า อัตราการเรียนรู้ของสิ่งใหม่ ๆ จะเพิ่มขึ้นจากวัยทารกไปสู่วัยที่จะปฏิบัติตนได้ดีเต็มที่ (maturity) คือ ราว ๆ ตอนต้นของอายุ 20 ปี จากนี้ต่อไปอีก 10 หรือ 15 ปี การเรียนรู้แทบจะคงที่เรื่อย ๆ ไป พอหลังจากนี้ไปแล้วมันก็จะค่อย ๆ เสื่อมลงทีละน้อย
องค์ประกอบที่ช่วยส่งเสริมการเรียนรู้
การเรียนรู้จะได้ผลดีย่อมขึ้นอยู่กับองค์ประกอบสำคัญบางประการ ที่ช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ ได้แก่ 1. วุฒิภาวะ (Maturity)
หมายถึงลำดับขั้นของความเจริญงอกงาม หรือพัฒนาการของบุคคลที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ โดยไม่ต้องอาศัยสิ่งเร้า หรือการฝึกฝนใดๆ วุฒิภาวะของแต่ละบุคคลจะพัฒนาไปตามลำดับวัย ทั้งทางร่างกาย สติปัญญา อารมณ์ และสังคม วุฒิภาวะเป็นภาวะของการบรรลุถึงขั้นสุดยอดของการเจริญเติบโตเต็มที่ในระยะใดระยะหนึ่ง และพร้อมที่จะประกอบ กิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งได้เหมาะสมกับวัย ซึ่งการเปลี่ยนแปลงไปตามธรรมชาตินี้ไม่จัดว่าเป็นการเรียนรู้ แต่จะช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียน โดยเตรียมความพร้อมและฝึกทักษะเบื้องต้นให้ สมกับวัย
2. ความพร้อม (Readiness)
เป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องคำนึงถึงในการเรียนรู้เพื่อช่วยให้ผู้เรียนได้รับประโยชน์มากที่สุดจากการเรียนรู้ การที่จะเรียนรู้ทักษะอย่างใดอย่างหนึ่งได้รวดเร็วและเกิดผลดีผู้เรียนจะต้องมีความพร้อม หากถูกบังคับให้เรียนรู้สิ่งใดสิ่งหนึ่งในขณะที่ยังไม่มีความพร้อม ผู้เรียนมักจะเกิดความคับข้องใจและมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อสิ่งนั้น
3. แรงจูงใจ (Motivation)
เป็นความปรารถนาและเป็นแรงผลักดันที่จะทำให้ผู้เรียนเกิดความต้องการที่จะเรียนรู้ และส่งผลให้การเรียนรู้นั้นได้ผลสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
4. การเสริมแรง (Reinforcement)
เมื่อผู้เรียนได้เรียนรู้แล้วแสดงพฤติกรรมออกมา และได้รับการเสริมแรง จะรู้สึกพึงพอใจ และการเสริมแรงนั้นจะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการเชื่อมโยงระหว่างสิ่งเร้ากับปฏิกิริยาตอบสนองมากขึ้น จึงแสดงพฤตินั้นบ่อยขึ้น
5. การถ่ายโยงการเรียนรู้ (Transfer of Learning)
การเรียนรู้สิ่งใหม่บางอย่าง ถ้าได้อาศัยประสบการณ์เดิมเป็นพื้นฐานจะช่วยให้การเรียนรู้สิ่งใหม่นั้นดีขึ้นเพราะผู้เรียนจะเชื่อมโยงความรู้ในครั้งก่อนมาใช้กับการเรียนรู้ครั้งใหม่ จึงทำให้เรียนรู้สิ่งใหม่ได้เร็วขึ้น
2. พฤติกรรมด้านกล้ามเนื้อ ด้านทักษะและการใช้อวัยวะต่างๆ (Psychomotor Domain)
เป็นการเรียนรู้เพื่อให้เกิดความชำนาญ และเกิดทักษะในการเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อ เช่น การอ่าน การพูด การเขียน การเล่นดนตรี กีฬา การแสดงออกทางศิลปะ เป็นต้น
3. พฤติกรรมด้านอารมณ์หรือความรู้สึก (Affective Domain)
เป็นพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงทางด้านจิตใจ เช่น เกิดความพอใจ ศรัทธา ชื่นชม เกิดรสนิยม ซาบซึ้งและเห็นคุณค่า ฯลฯ |